ไม้กฤษณาคืออะไร
คำว่า กฤษณา หมายถึง ไม้กฤษณา หรือกฤษณา หรือต้นไม้หอม ไม้กฤษณาที่ยังเป็นต้นไม้อยู่ (ตอนที่ยังไม่เกิดบาดแผล) จะมีเนื้อไม้สีขาว แต่เมื่อเกิดบาดแผลแล้วก็จะมีน้ำมันสีดำเกิดขึ้น และขยายวงกว้างออกไป สำหรับไม้กฤษณาที่เกรดดี ๆ ที่มีราคาหลายหมื่นบาท ก็จะต้องทิ้งไว้หลายปี จนเป็นสีดำสนิท หรือสีน้ำตาล
การขยายพันธุ์
ชาวบ้านทั่วไปมักจะใช้การเพาะเมล็ด เมล็ดของกฤษณามาจากดอกที่จะออกดอกช่วงผลัดใบ ประมาณเดือนมีนาคม-เมษายน หรือช่วงหลังปีใหม่ ถ้าฝนแล้งก็จะมีดอกช่วงเดือนมีนาคม โดยจะมีดอก 2 ชุดคือ ชุดเล็กและชุดใหญ่ (บางครั้งจะมี 1 ชุด) ผลจะแก่ช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ก็จะทยอยร่วงหล่น ผลมีเมล็ด 2 แบบคือ เมล็ดแก่จะมีสีเขียว และถ้าเมล็ดแก่มาก ๆ จะมีสีน้ำตาล และแตกออก ทำให้สามารถเก็บไปเพาะพันธุ์ต่อได้
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มีการเพาะเมล็ดพันธุ์กฤษณา แต่เป็นวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ซึ่งใช้เวลานาน จึงต้องใช้พันธุ์ที่ดีจึงจะคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไป และการใช้วิธีแบบนี้จะให้ผลผลิตที่ดีมาก ถ้าได้พันธุ์ที่ไม่ดี จะทำให้เกิดกฤษณาพันธุ์ที่ไม่ดีหลายหมื่นต้น ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองต้นทุน
การเพาะปลูก
สำหรับไม้กฤษณาสามารถขึ้นได้ทั่ว ๆ ไป แต่ถ้าจะให้ดีควรมีการจัดสรรที่ที่เหมาะสม สภาพดินต้องมีความชุ่มชื้น ไม่ควรเป็นดินทรายจัด ดินลูกรัง หินดาน หรือที่แห้งแล้งจนเกินไป ฝนตกไม่ต่ำกว่า 5 เดือน และต้องตัดแต่งกิ่งให้ดีด้วย จะต้องมีระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 3.3 ตารางเมตร เมื่อปลูกได้แล้ว หลังจาก 5 ปี ควรจะวัดเส้นรอบวงได้ประมาณ 50 เซนติเมตร โดยวัดสูงจากพื้นดิน 1 เมตร
ราคา
ที่จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด ต้นกล้าสูงประมาณ 1 ฟุต ขาย 10 บาท แต่ถ้าสูง 5-6 เซนติเมตร ขาย 4-5 บาท
การเกิดจากเชื้อราตามที่สมัยก่อนเชื่อ
จากความเชื่อแต่โบราณ ในงานวิจัยนี้ได้มีการนำเชื้อราจากต้นไปตรวจพบว่า ไม่ได้ทำให้เกิดกฤษณา แต่เป็นการทำลายเนื้อไม้ให้ผุ จึงสรุปได้ว่า เชื้อราเป็นตัวทำให้เกิดกฤษณาเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นไม่ใช่ส่วนใหญ่ การที่จะทำให้เกิดกฤษณาได้ต้องทำให้เกิดบาดแผลเท่านั้น
|
ทราบได้อย่างไรว่าเกิดกฤษณาขึ้น
1. นำไม้ที่ต้องการตรวจไปลอยน้ำ ถ้าลอยน้ำแสดงว่าเกิดกฤษณาน้อย หรือไม่มี แต่ถ้าจมน้ำแสดงว่าเกิดกฤษณามาก และไม้มีสีดำ
2. นำไม้ที่ต้องการตรวจไปเผาไฟ ถ้ามีกฤษณาก็จะมีกลิ่นหอม
3. ตรวจดูจากแผลที่เกิด ถ้ามีกฤษณาก็จะมีสีน้ำตาล หรือดำ และขยายวงกว้างออกไป
การกลั่นน้ำมัน
นำเนื้อไม้ที่ได้ไปบดให้ละเอียด ส่วนใหญ่ใช้เกรดที่ต่ำที่สุด แล้วนำไปแช่น้ำ 5 วัน สัดส่วนน้ำต่อเนื้อไม้ 50:50 เมื่อครบ 5 วัน ก็นำไปต้มในหม้อความดัน เป็นเตาแก๊สหรือเตาถ่านก็ได้ ก็จะเกิดน้ำมันออกมา และก็นำไปแบ่งออกตามเกรด ราคาน้ำมัน 4,000-8,000 บาท ต่อ 1 solar (12 กรัม)
ความต้องการของตลาด
ส่วนใหญ่จะนำไปประกอบพิธีทางศาสนา สมุนไพร และมักใส่ในน้ำหอม ทำให้ติดทนนาน ในแถบตะวันออกกลาง มักจุดใช้ในครัวเรือนทำให้มีกลิ่นหอม เป็นเครื่องแสดงฐานะ
ควรจะส่งเสริมให้เป็นพืชเศรษฐกิจหรือไม่
ในปัจจุบันคนเริ่มมีความสนใจและปลูกกันมากขึ้น เพราะเห็นว่ามีช่องทางที่จะทำเป็นการค้าขายได้ แต่ความเป็นจริงยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ถึงเรื่องของปริมาณจำนวนแผลที่จะเกิดขึ้นต่อต้นเป็นเท่าไร และจะเกิดผลผลิตเท่าไร ทั้งนี้จะต้องอยู่ในระยะเวลาที่กำหนดด้วย คือยังไม่สามารถที่จะคาดการณ์ถึงผลกำไรว่าจะคุ้มค่าทางเศรษฐกิจหรือไม่ ในแง่ของการส่งเสริมคิดว่าไม่แนะนำให้ปลูก เพราะว่าดูแลยาก จะต้องดูถึงสภาพดินและพันธุ์ไม้ด้วย อาจจะไม่คุ้มกับทุน แต่ถ้าจะปลูกแบบแซมกับต้นไม้ชนิดอื่น ๆ ปลูกรอบสวน ปลูกบังลม แล้วปล่อยให้โตเองโดยที่ไม่ต้องดูแลมาก แต่อาจจะทำให้เกิดแผลไปเรื่อย ๆ ไม่ควรปลูกโดยใช้พื้นที่จำนวนมากหรือเป็นป่า เพราะผลผลิตอาจเกิดน้อย ส่วนใหญ่มักนำเนื้อไม้ไปทำพวกกล่องเพชร ลูกประคำ คันธนู ฯลฯ แต่คุณค่าจริง ๆ อยู่ที่น้ำมันกฤษณา จึงต้องใช้เวลานานในการปลูก เพราะฉะนั้นจึงจะต้องมีทุนจำนวนมากและมีพื้นที่
ข้อแนะนำสำหรับเกษตรกรผู้สนใจ
1. สำหรับเกษตรกรที่มีทุนมาก และสามารถรอได้ จะปลูกเป็นผืนป่าก็ได้
2. สำหรับเกษตรกรที่มีทุนน้อย ควรจะปลูกแบบรอบ ๆ สวนมากกว่า
http://www.youtube.com/watch?v=1T9WVPndOjk
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น