การประท้วงเกี่ยวกับ คลิปหมิ่นศาสนาอิสลาม Innocent of Islamic คลิปที่มีปัญหา หมิ่นศาสนา อินโนเซ็นต์ออฟมุสลิม Innocence of muslims

เผาต่อเนื่อง - กลุ่มควันดำทะมึนพวยพุ่งขึ้นจากอาคารสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐในกรุงคาร์ทูม ประเทศซูดาน หลังจากถูกกลุ่มผู้ประท้วงบุกเผาเป็นเหตุผู้เสียชีวิต 4 ราย เจ็บ 50 ราย ทั้งนี้เหตุประท้วงลุกลามบานปลายไปกว่า 20 ประเทศในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ (เอเอฟพี)

กลุ่มทาลีบันโกรธแค้นถูกลบหลู่ศาสดา ส่งกองกำลังติดอาวุธยิงถล่มฐานทัพใหญ่ของนาโต ทางตอนใต้อัฟกานิสถาน

เมื่อวันที่ 15 กันยายน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานการประท้วงของผู้ชุมนุมในโลกมุสลิมที่กระจายไปหลายประเทศในตะวันออกกลาง ตอนเหนือของทวีปแอฟริการวมถึงเอเชียบางประเทศ ที่ไม่พอใจต่อภาพยนตร์เรื่อง "อินโนเซนซ์ ออฟ มุสลิมส์" มีเนื้อหาดูหมิ่นศาสดาโมฮัมหมัด โดยมีการชุมนุมประท้วงหน้าสถานทูตสหรัฐอเมริกา ถึงขั้นบุกทำลายทั้งสถานทูต โรงเรียน และร้านอาหารที่ถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของสหรัฐอเมริกาในหลายประเทศ โดยเฉพาะเหตุการณ์โจมตีสถานกงสุลสหรัฐในเมืองเบงกาชี ประเทศลิเบีย เป็นเหตุทำให้เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำลิเบียและเจ้าหน้าที่สหรัฐเสียชีวิตรวม 4 ราย และยังบานปลายไปถึงชาติในยุโรป มีการบุกทำลาย เผาสถานทูตเยอรมนีและอังกฤษในกรุงคาร์ทูม ประเทศซูดาน

รายงานข่าวเผยว่า การประท้วงลุกลามไปไม่น้อยกว่า 20 ประเทศทั่วโลก มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 9 ราย และยังเกิดเหตุปะทะจนมีผู้เสียชีวิตใกล้กับสถานทูตชาติตะวันตกทั้งที่ตูนิเซียและซูดาน 

ที่ตูนิเซีย มีผู้เสียชีวิต 4 ราย บาดเจ็บ 50 ราย กลุ่มผู้ประท้วงแสดงความโกรธแค้นจุดไฟเผารถและโรงเรียนที่เป็นของสหรัฐ หลังไม่สามารถบุกเข้าไปทำลายสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐในกรุงตูนิสได้ ส่วนที่เลบานอน กลุ่มผู้ประท้วงได้จุดไฟเผาสาขาของร้านเคเอฟซี เช่นเดียวกับที่ตำรวจอินเดียจับกุมผู้ประท้วงไป 89 ราย ที่เมืองเชนไน 

ยังมีรายงานว่า กลุ่มเบดูอินได้บุกโจมตีกองกำลังรักษาสันติภาพนานาชาติในแหลมไซไนของอียิปต์ รวมทั้งกลุ่มผู้ประท้วงราว 500 คน ชุมนุมหน้าสถานกงสุลใหญ่สหรัฐ ในนครซิดนีย์ของออสเตรเลีย และการประท้วงที่หน้าสำนักงานของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ในมัลดีฟส์ 

มีรายงานด้วยว่า กลุ่มกองกำลังติดอาวุธราว 16 คน บุกโจมตีฐานทัพทหารนาโต ค่ายแบสชัน จังหวัดเฮลมานด์ ทางตอนใต้ของอัฟกานิสถาน ทั้งนี้ เจ้าชายแฮร์รี่ องค์รัชทายาทลำดับที่ 3 แห่งราชวงศ์อังกฤษ ประจำการอยู่ โดยมีการโจมตีด้วยอาวุธเบา ปืนครก และขีปนาวุธ เมื่อช่วงเที่ยงคืน วันที่ 14 กันยายน ตามเวลาท้องถิ่น เป็นเหตุให้ทหารนาวิกโยธินสหรัฐเสียชีวิต 2 นาย และเครื่องบินในฐานทัพเสียหายจำนวนหนึ่ง แต่เจ้าชายแฮร์รี่ไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด 

ทั้งนี้ ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดว่ากลุ่มติดอาวุธดังกล่าวเจาะจงโจมตีฐานทัพอังกฤษเป็นการเฉพาะหรือไม่ ซึ่งเจ้าชายแฮร์รี่ได้เข้าร่วมรบที่อัฟกานิสถาน ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต มีกำลังทหารประจำการอยู่ในอัฟกานิสถานรวม 117,000 นาย เพื่อต่อสู้กับกลุ่มทาลิบัน 

ด้านโฆษกกลุ่มทาลิบัน ได้ออกมายอมรับกับบีบีซีว่า เป็นผู้ปฏิบัติการโจมตีฐานทัพดังกล่าวเพื่อแก้แค้นการถูกลบหลู่ศาสดา 

รายงานข่าวเผยด้วยว่า มีการตั้งคำถามว่า ทำไมฐานดังกล่าวจึงถูกโจมตีได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากเป็นฐานที่ตั้งอยู่กลางทะเลทราย สามารถมองเห็นพื้นที่โดยรอบบริเวณได้อย่างชัดเจน และยังมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด 

สำหรับความรุนแรงของเหตุการณ์ในหลายประเทศทั้งในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ สร้างความตื่นตกใจให้กับคนจำนวนมาก โดยเฉพาะในตูนิเซีย ที่เป็นจุดเริ่มต้นของกระแสปฏิวัติดอกมะลิ หรืออาหรับสปริงส์ ที่จุดประกายการเปลี่ยนแปลงให้กับโลกมุสลิม นักวิเคราะห์มองว่าเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าพรรคการเมืองต่างๆ ที่ก้าวขึ้นมากุมอำนาจในประเทศที่เกิดเหตุประท้วงล้มเหลวที่จะรักษาความสงบเรียบร้อยภายในชาติ นำไปสู่ความเคลือบแคลงสงสัยและคำถามถึงการส่งเสริมประชาธิปไตยในประเทศเหล่านี้ว่า อาจกำลังนำพาโลกอาหรับเข้าสู่ยุคเหมันต์ฤดู หรืออาหรับวินเธอร์ 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังสร้างแรงกดดันให้กับประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ เกี่ยวกับการดำเนินนโยบายต่างประเทศของสหรัฐที่สนับสนุนส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงในโลกมุสลิม ท่ามกลางเสียงเรียกร้องให้โอบามาแสดงภาวะผู้นำเพื่อหาทางยุติปัญหาดังกล่าว ก่อนจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ในอีกไม่ถึง 8 สัปดาห์

ทางด้านโอบามา พร้อมนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ได้เข้าร่วมพิธีศพของนายคริสโตเฟอร์ สตีเวนส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำลิเบียและเจ้าหน้าที่สหรัฐอีก 3 ราย ที่เสียชีวิตในลิเบีย ถูกจัดขึ้นที่กรุงวอชิงตัน 

โอบามากล่าวถึงการสูญเสียที่เกิดขึ้นว่า การตายของบุคคลเหล่านี้จะไม่มีวันถูกลืม พร้อมจะนำตัวผู้ทำผิดมารับโทษ รวมถึงจุดยืนของสหรัฐจะไม่ยินยอมต่อการใช้ความรุนแรงกับสถานทูตหรือสถานกงสุลสหรัฐทั่วโลก

นางฮิลลารีกล่าวย้ำด้วยว่า การตายของบุคคลเหล่านี้เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ ทั้งหมดสละชีพเพื่อประเทศชาติ ซึ่งประชาชนในอียิปต์ ลิเบีย เยเมน และตูนิเซีย ไม่ได้พาตัวเองออกจากการปกครองของผู้นำที่กดขี่มาสู่ความวุ่นวาย ผู้ที่มีเหตุผลและผู้นำที่รับผิดชอบในประเทศเหล่านี้จำเป็นต้องทำทุกอย่างเพื่อฟื้นฟูความมั่นคงและความน่าเชื่อถือของประเทศจากน้ำมือของผู้ก่อเหตุรุนแรง

นายลีออน พาเนตตา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ประกาศว่า สหรัฐได้ปรับกำลังพลเพื่อสามารถตอบสนองต่อเหตุวุ่นวายที่เกิดขึ้นในประเทศโลกมุสลิมหลายสิบประเทศ และเตรียมพร้อมรับเหตุประท้วงลุกลามบานปลายจนไม่สามารถควบคุมได้ ทั้งนี้ คำประกาศดังกล่าวมีขึ้นหลังจากมีรายงานว่า สหรัฐได้ตัดสินใจส่งนาวิกโยธินหน่วยรบพิเศษราว 50 นาย ไปประจำการในซูดาน จากที่ได้ส่งนาวิกโยธินไปยังลิเบียและเยเมนก่อนหน้านี้แล้ว 100 นาย คาดว่า สหรัฐมีการจัดส่งกำลังพลเข้าประจำการในประเทศที่เกิดความวุ่นวายไม่น้อยกว่า 18 แห่ง 

รายงานว่า กองทัพสหรัฐและหน่วยข่าวกรองกำลังเร่งสืบหากลุ่มติดอาวุธที่ต้องสงสัยว่าอาจอยู่เบื้องหลังการสังหารเอกอัครราชทูตและนักการทูตสหรัฐในลิเบีย โดยระดมสรรพกำลังรวมถึงเครื่องมือและอุปกรณ์ไฮเทคทั้งหมดที่มีอยู่ ทั้งนี้ ลิเบียเพิ่งออกมายอมรับว่าที่ต้องปิดสนามบินเบงกาซีเมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา เพราะมีเครื่องบินไร้คนขับของสหรัฐบินอยู่เหนือพื้นที่ทางตะวันออกของเมืองเบงกาซี และมีการยิงตอบโต้โดยกองกำลังติดอาวุธ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องสั่งปิดสนามบินเพราะหวั่นว่าเที่ยวบินพาณิชย์อาจถูกลูกหลงจากเหตุดังกล่าวได้ 

นายโมฮัมเหม็ด อัล-เมการ์เยฟ ประธานสภาแห่งชาติของลิเบีย ออกมากล่าวหากลุ่มอัลเคด้าว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีสถานกงสุลสหรัฐในเบงกาซี โดยให้เหตุผลว่าเพราะไม่อาจหาคำอธิบายได้ว่าเหตุใดภาพยนตร์ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ 6 เดือนก่อน จึงกลายเป็นชนวนให้เกิดเหตุวุ่นวายในโอกาสครบรอบ 11 ปี ของเหตุวินาศกรรมสหรัฐ

เอเอฟพีรายงานว่า สี่วันหลังเกิดเหตุสังหารเอกอัครราชทูตสหรัฐในลิเบีย กลุ่มอัลเคด้าในคาบสมุทรอาระเบียออกแถลงการอ้างว่าอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีสถานกงสุล

สหรัฐที่เมืองเบงกาซี เพื่อแก้แค้นแทนผู้นำหมายเลข 2 ของกลุ่มที่ถูกสังหาร และตอบโต้การลบหลู่ศาสดาโมฮัมหมัด พร้อมทั้งอ้างว่าการลุกฮือขึ้นต่อต้านของประชาชนในลิเบีย อียิปต์ และเยเมน บ่งชี้ว่าสงครามครั้งนี้เป็นของโลกมุสลิมทั้งมวลที่ลุกขึ้นต่อต้านความอยุติธรรม

ด้านสหภาพยุโรป (อียู) เรียกร้องให้ผู้นำชาติอาหรับและโลกมุสลิมหาทางนำสันติภาพและสร้างความรู้จักยับยั้งชั่งใจให้เกิดขึ้นในประเทศโดยเร่งด่วน พร้อมกับประณามการทำลายสำนักงานทูตในหลายประเทศและว่าไม่มีเหตุผลใดจะอธิบายการใช้ความรุนแรงดังกล่าวได้ ข้อเรียกร้องดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ความรุนแรงได้ลุกลามบานปลายออกไปยังสถานทูตเยอรมนีและอังกฤษในซูดาน 

นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี แสดงความวิตกกังวลอย่างมากต่อความรุนแรงที่แพร่กระจายไปทั่วโลกอาหรับ พร้อมประณามผู้ก่อเหตุโจมตีสถานทูตเยอรมนีในซูดานและสถานทูตสหรัฐทั่วโลก และว่ารัฐบาลชาติอาหรับต้องทำทุกอย่างเพื่อรับประกันความปลอดภัยของสถานทูต เช่นเดียวกับนายวิลเลียม เฮก รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ที่นอกจากจะประณามอย่างรุนแรงที่สุดแล้วยังได้ยกเรื่องดังกล่าวขึ้นพูดกับเอกอัครราชทูตซูดานในอังกฤษพร้อมกับขอ
คำรับประกันจากทางการซูดานว่าจะนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ 

วันเดียวกัน คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ออกแถลงการณ์ประณามอย่างรุนแรงต่อเหตุโจมตีสถานทูตและสถานกงสุลสหรัฐ และชาติตะวันตกอื่น พร้อมกับเรียกร้องให้ยึดมั่นในหลักการพื้นฐานที่พื้นที่ของสถานทูตและสถานกงสุลถือเป็นสถานที่ที่ไม่อาจละเมิดได้ ขณะเดียวกันยูเอ็นได้ประกาศอพยพเจ้าหน้าที่ทั้งหมดในเบงกาซีไปยังกรุงตริโปลีเป็นการชั่วคราวด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย และว่าสำนักงานของยูเอ็นในเบงกาซียังไม่ปิดทำการแต่จะมีเพียงลูกจ้างท้องถิ่นทำงานอยู่เท่านั้น

พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผบช.ภ.5 กล่าวว่า จากการประเมินทางด้านการข่าวไม่น่ามีการก่อเหตุอะไร เพราะเชียงใหม่ไม่ใช่เป้าหมาย แต่เพื่อความไม่ประมาทได้สั่งการไปยังพื้นที่ไม่เฉพาะเชียงใหม่ หากแต่เป็นทุกจังหวัดที่มีชาวสหรัฐอเมริกาเข้าไปท่องเที่ยวหรือใช้บริการ

"เชื่อว่าไม่น่ามีปัญหา เพราะชาวมุสลิมที่พักอาศัยอยู่ในเมืองเชียงใหม่ ต่างประกอบธุรกิจค้าขายกันเป็นส่วนมาก คงไม่อยากให้เกิดผลกระทบใดๆ แน่นอน" 

ส่วนวันที่ 19 กันยายน ที่มีข่าวว่าเอกอัคร ราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย จะเดินทางมาปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดเชียงใหม่นั้น พล.ต.ท.สุเทพกล่าวว่า ยังไม่ได้รับการประสานมา แต่ในแง่ของการดูแลความปลอดภัยเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมเต็มที่อยู่แล้ว